วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561


อาหารที่แมวไม่ควรกิน มีอะไรบ้าง?


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แมว


   “น้องแมว” ถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของใครหลายๆ คนเลย จริงไหมคะ แต่ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงกันอย่างจริงจัง หรือใครที่กำลังเป็นมือใหม่ หัดเลี้ยงแมวกันอยู่ล่ะก็ วันนี้ ลองมาดูกันค่ะ ว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมปกติอย่างไรบ้าง ต้องดูแลอย่างไร  ต้องให้อาหารแบบไหน อะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ เพื่อให้น้องแมวของคุณได้รับการดูแลอย่างที่ดีที่สุดนั่นเอง

อุปนิสัยของเจ้าแมวประเภทต่างๆ
นิสัยของแมวค่อนข้างแตกต่างจากสุนัขที่หลายคนชอบเลี้ยง คือ แมวจะมีนิสัยรักความอิสระ ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง ชอบการเอาอกเอาใจ แมวจะรักคนที่แสดงความรักและรักตอบ ไม่ชอบทำตัวติดเจ้าของแจตลอดเวลา ด้วยนิสัยเฉพาะของแมวนั่นเอง

  การเริ่มเลี้ยงแมว
-เมื่อแมวคลอดจากท้องแม่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ สามารถให้แมวเริ่มดื่มนมเฉพาะสำหรับแมวเท่านั้นได้ การป้อนนมควรมัดระวังในเรื่องของ การสำลักนม ควรค่อยป้อนนมเจ้าแมวน้อยทีละน้อยแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณตามวัยที่เพิ่มขึ้น

-ส่วนอาหารการกินของแมวนั้น ค่อนข้างมีความพิถีพิถันมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น อาหารที่จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้แมวทานมีต่างๆ ดังนี้

1.น้ำปะปา
ปกติแมวจะต้องเปลี่ยนน้ำสำหรับดื่มทุกวัน โดยเฉพาะน้ำประปา ไม่ควรให้แมวดื่ม เพราะในน้ำประปามีสารต่างๆ เช่น คลอรีน หรือน้ำไม่สะอาด ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของน้องแมวเอาได้

2.อาหาร
 อาหารประเภททอดต่างๆ เช่น ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หมูทอด เพราะในอาหารประเภทนี้ ประกอบด้วยสารปรุงรส นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งในสัตว์ได้ รวมถึงการทำงานหนักของอวัยวะอย่างไต เพราะในร่างกายของแมว ไม่มีมีระการขับถ่ายของเสียเหมือนอย่างคน

3.มะเขือเทศ
 เนื่องจากในมะเขือเทศมีสารพิษอย่างหนึ่งเรียกว่า “ Glycoallaloid Solanine” ที่อาจทำให้แมวเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้เลย เมื่อรับประทานเข้

4.ลูกอมและหมากฝรั่ง
 เพราะมีสารไซลิทอลอยู่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแมวจะทำให้มีการผลิตสารอินซูลินมากกว่าปกติ ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะเกิดการคลื่นไส้ อาเจียน จนเป็นอันตรายได้

 5.ขนมปังที่มียีสต์
 เนื่องจากยีสต์ที่อยู่ในขนมปัง เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้แมวเกิดอาการปวดท้อง เพราะปฏิกิริยาของยีสต์ที่ถูกหมักไว้นานๆ จะมีแอลกอฮอล์ จะเกิดการฟูเมื่อแมวกินเข้าไป

6.อะโวคาโด
 อะโวคาโดแม้จะมีประโยชน์ต่อคน แต่สำหรับแมวแล้ว ถ้ารับประทานเข้าไป จะส่งผลทำให้การหายใจติดขัด มีปัญหา หัวใจทำงานผิดปกติได้

7.ช็อคโกแล็ต
เพราะนอกจากความหวานของช็อคโกแล็ตที่อาจไม่ดีต่อแมวแล้ว ยังมีสารพิษและคาเฟอีนที่ถ้าแมวกินเข้าไปอาจทำให้ส่งผลต่อระบบหัวใจได้

 8.ตับ
แม้ว่าตับจะมีประโยชน์สำหรับคน แต่สำหรับแมวการรับประทานตับ จะส่งผลในการดูดซึมวิตามินเอในร่างกายของแมว ทำให้กระดูกเปราะได้ง่าย แถมยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกในลูกแมวอีกด้วย


9.พืชผักบางชนิด

แม้ว่าเราจะทำให้สุกแล้วก็ตาม แต่หากแมวรับประทานเข้าไปมากๆ อาจส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีการทำงานผิดปกติเอาได้

10.องุ่น
ไม่ควรให้แมวกินองุ่นนะคะ ไม่ว่าจะปริมาณน้อยหรือมากก็ตาม เพราะจะทำให้แมวเกิดอาการไตวายได้ โดยอาการเบื้องต้นจะมีการอาเจียน คลื่นไส้ นำไปสู่อาการป่วยแล้วเกิดอาการไตวายเฉียบพลันในที่สุด

11.ไข่ดิบ
อาจส่งผลทางอ้อมที่เลวร้ายกว่าที่คิด เช่น ทำให้ขนของแมวไม่เงางาม รวมถึงผลเสียทางตรงคือ อาจทำให้แมวท้องเสียได้เนื่องจากมีแบคทีเรียอีโคไล แถมยังส่งผลให้การดูดซึมวิตามินบีในตัวแมวลดลงอีกด้วย

12.กระดูกหรือก้างปลา
ไม่ควรให้แมวทานพวกกระดูกหรือก้างปลามากเกินไป เพราะจะทำให้ติดคอ ระคายทางเดินหายใจจนนำไปสู่การไอที่มีเลือดปนออกมาได้ในที่สุด

13.ทูน่า
ในทูน่าแบบที่คนเรากิน แม้จะมีสารอาหารต่างๆ มากมาย แต่สำหรับร่างกายของแมวไม่สามารถดูดซึมเข้าไปได้เหมือนเรานะคะ หากกินเข้าไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ และอาจส่งผลให้น้องเหมียวของเราขาดสารอาหารเอาได้

14.นม
สำหรับนมวัวปกติ เราไม่สามารถเอาไปให้ลูกแมวกินได้นะคะ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยโปรตีนในนมวัวเหมือนเรา เมื่อกินเข้าไปอาจทำให้ท้องเสียได้ง่าย ควรเลือกนมที่เป็นเฉพาะสำหรับแมวเท่านั้น เพื่อประโยชน์ของเจ้าเหมียวจริงๆ

การฝึกนิสัยและการดูแลแมว
ควรฝึกนิสัยของการขับถ่ายของแมวตั้งแต่เริ่มมีอายุ 4 สัปดาห์ โดยการหาภาชนะวางไว้เพื่อให้แมวขับถ่ายอย่างถูกต้อง สำหรับแมวเล็กๆ การทำความสะอาดควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวหมาดๆ ประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้การฉีดวัคซีนแมวเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค ควรพาแมวไปฉีดวัคซีนตั้งแต่ มีอายุ 2 เดือน , 3 เดือนและ 4 เดือน

สำหรับการจัดสถานที่ของแมวควรจัดให้เป็นส่วนๆ ไป เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่มีขนหลุดร่วง หากทำความสะอาดไม่ดีพอ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคร้ายต่างๆ ได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า อาหารการกินของแมวค่อนข้างต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลให้ร่างกายของแมวย่ำแย่หรืออ่อนแอได้ง่าย เพื่อป้องกันโรคภัยต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพของแมว ควรเลือกอาหารที่เหมาะสำหรับแมวเท่านั้น เพื่อร่างกายจะได้รับคุณประโยชน์จากสารอาหารอย่างเต็มที่ รวมถึงแมวที่เรารักจะได้มีอายุยืนยาวอยู่กับคนรักแมวได้นานมากขึ้น ควรใส่ใจทั้งสถานที่อยู่ การดูแลร่างกายและอาหารการกินของแมวให้เคร่งครัด เนื่องจากแมวมีธรรมชาติร่างกายที่ต่างจากสัตว์ประเภทอื่นๆ ยากต่อการดูแล แต่หากเข้าในสภาวะที่แท้จริงของแมว รับรองได้ว่าการจะดูแลแมวเหมียว จะไม่ใช่เรื่องสำหรับทาสแมวอย่างเราๆ แน่นอน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น